คนทำเว็บ-ทำเพจ ครวญ! Algorithm Facebook รอบใหม่ทำพิษ

ดูเหมือนว่าการปรับเปลี่ยนอัลกอลิทึม (Algorithm) ของ Facebook ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบหนักกับธุรกิจสื่อเว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่ต้องพึ่งพาผู้อ่านจากแพลตฟอร์ม Facebook

เมื่อ Echobox ผู้ให้บริการรับจัดการโซเชียลมีเดียที่เก็บข้อมูลจากสื่อเว็บไซต์กว่า 2,000 รายทั่วโลก ให้ข้อมูลว่า ยอดคลิกอ่านข่าวบน Facebook ลดลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว และลดลงหนักถึงประมาณ 50% ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หากเทียบกับปีที่แล้ว

"มันยากมากที่จะบอกชัด ๆ ว่าสาเหตุมาจากอะไร ทาง Facebook ก็ไม่เคยเผยว่า ทำไมถึงลดความสำคัญของคอนเทนต์ข่าว แล้วไปให้ความสำคัญกับคอนเทนต์วิดีโอมากกว่า"​ Antoine Amann CEO ของ Echobox กล่าว

เรื่องนี้สอดคล้องกับคำพูดจากคนทำสื่อเว็บไซต์ในอเมริกาที่ออกมาโอดครวญว่ายอดตก หนึ่งในนั้นคือสื่อสายกีฬาและวัฒนธรรม (Sport & Culture) ที่มียอดผู้ติดตามหลักล้าน ที่ออกมาให้ข้อมูลว่า "เราสังเกตเห็นยอดที่ลดลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตอนแรกก็เข้าใจว่าเป็นความผิดของเรา​ ต้องมีบางอย่างที่เราทำพลาดไป แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป สื่ออื่นก็เริ่มรายงานแบบเดียวกับที่เราเจอ"​

อีกสื่อที่เจอเหมือนกันคือ Madison 365 ที่บอกว่า "ยอดเริ่มลดลงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และแย่ลงอีกในเดือนถัดมา ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะลดลงอีก ต้องบอกว่า Facebook สำคัญกับสื่อเรามาก เพราะกลุ่มผู้อ่านส่วนใหญ่อยู่ในนั้น โดยยอดผู้อ่านที่กดเข้ามาในเว็บกว่า 25% ก็มาจากแพลตฟอร์มนี้

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสื่อเว็บไซต์ในปัจจุบัน พึ่งพาผู้อ่านจากแพลตฟอร์ม Facebook การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วย่อมส่งผลกระทบแน่นอน และยังอาจจะเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ธุรกิจสื่อล้มหายตายจาก ยกตัวอย่างเช่น Vice สื่อรุ่นใหม่ที่ดูเหมือนจะไปได้รุ่ง แต่ก็ล้มละลาย หรือ BuzzFeed ที่ได้ตัดสินใจปิดธุรกิจสำนักข่าวออนไลน์

คนทำงานสื่อหลายคนต่างพูดในทำนองเดียวกันว่า Meta ที่เป็นเจ้าของ Facebook สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง แต่อย่างน้อยคนทำสื่อก็สมควรได้รับข่าวสารหรือการประชาสัมพันธ์บ้าง ถ้ารู้ว่าปีหน้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง การวางแผนปรับเปลี่ยนแผนต่าง ๆ คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปัจจุบันยังไม่รู้เลยว่า เดือนนี้ เดือนหน้า จะมีอะไรปรับอีกบ้าง

ซึ่งดูเหมือนว่าการปรับอัลกอลิทึมของ Facebook ในรอบนี้จะส่งผลกระทบกับสื่อในไทยด้วย ในวงการคนทำเพจและสื่อเว็บไซต์ก็มีการพูดคุยถึงประเด็นเรื่องยอดที่ลดลงแบบน่าใจหายเหมือนกัน

เครดิตแหล่งข้อมูล : beartai